วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ร.๕ #ปลอมพระองค์เป็นสามัญชนขึ้นรถราง

 


ร.๕ #ปลอมพระองค์เป็นสามัญชนขึ้นรถราง

“เอ้า! เอาไป ถ้าเมืองไทย มีคนทำงานตามหน้าที่อย่างนี้มากๆ บ้านเมืองก็เจริญ”
มีเรื่องเล่ากันว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ซึ่งโดยปกติพระองค์ มักจะเสด็จออกตรวจตราดูแลทุกข์สุขของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์อยู่เสมอๆ โดยทรงฉลองพระองค์อย่างประชาชนคนธรรมดาทั่วไป เสด็จปะปนไปกับประชาชนมิได้ขาด และมักเสด็จไปโดยปราศจากผู้ติดตาม
วันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้น ได้เสด็จขึ้นประทับรถรางของนายจอห์น ลอฟตัส ที่หลักเมืองอันเป็นต้นทาง เผอิญทรงลืมเอาเงินพกติดตัวไปด้วย เมื่อรถเคลื่อนที่ออก คนเก็บเงินถามว่าจะไปลงที่ไหน? ทรงตรัสว่า
“ถนนตก“
คนเก็บเงินจึงบอกไปว่า
“ถนนตกต้องเสียเงินสลึงหนึ่ง“
พระองค์ตรัสว่า
“ไม่มี รีบออกมาจากบ้าน ลืมเอามา ฉันมีธุระจริงๆ พรุ่งนี้จะเอามาให้ ขอให้ฉันไปด้วยนะ“
คนเก็บเงินบอกว่า
“ไม่ได้หรอก ระเบียบเขามีอย่างนั้น ขึ้นรถแล้วก็ต้องเสียเงินซี“
พระองค์ตรัสว่า
“เถอะน่า เว้นฉันไว้สักคนคงไม่เป็นไร ไม่มีใครรู้หรอก”
กระเป๋าตอบว่า
“ไม่ได้หรอก ฉันต้องทำตามหน้าที่ อย่าหาว่าใจร้ายใจดำเลยพ่อคุณ ให้พ่อไปด้วยไม่ได้หรอก มันผิดระเบียบ“
พระองค์ตรัสว่า
“ก็ฉันจะไปนี่นา บอกว่าพรุ่งนี้จะเอามาให้ เมื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันต้องไปถนนตกให้ได้“
ฝ่ายคนเก็บเงินก็ไม่ยอมท่าเดียว เถียงกันไปมา เผอิญคุณยายคนหนึ่งที่นั่งมาในรถรางคันเดียวกัน เห็นเถียงกันไปมาไม่หยุด จึงยื่นเงินสลึงหนึ่งให้
“เอ้า! ฉันให้ค่ารถแทนก็แล้วกัน“
คนเก็บเงินก็รับเอาไป เรื่องราวควรจะจบลงแค่นี้ แต่พอรถรางวิ่งไปจนเกือบถึงถนนตก รถม้าพระที่นั่งก็วิ่งตามไปทัน ทุกคนบนรถรางรวมทั้งคนเก็บเงินหันไปดู มีคนตะโกนว่า
“ในหลวงเสด็จ“
ต่างคอยจ้องดูในหลวงกัน รถรางคันนั้นก็หยุด เพื่อให้รถพระที่นั่งผ่านไปก่อน แต่รถพระที่นั่งไม่เลยไป กลับมาหยุดเทียบรถรางพอดี ในหลวงซึ่งประทับมาในรถราง ก็เสด็จขึ้นประทับบนรถพระที่นั่ง แล้วก็บ่ายหน้ากลับทันที
ตอนนี้คนเก็บเงินรถราง ตาเหลือก ตกตะลึง เมื่อรู้ว่าผู้ที่ตนทะเลาะเรื่องค่าโดยสาร และไล่ให้ลงเมื่อกี้ คือ “ในหลวง“ ถึงกับมือเท้าอ่อน เหงื่อโทรมกาย คิดไปคิดมาเลยร้องไห้โฮ เพราะเจ็บใจตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับเจ้าชีวิต คราวนี้เห็นทีหัวขาดแน่นอน นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่น่าสงสาร
รุ่งขึ้น ตำรวจมาสืบหาตัวคนเก็บเงินรถรางแล้วจับกุมตัว คนเก็บเงินรถรางหน้าซีดเหมือนคนตาย ลาลูกเมียและเพื่อนฝูงเป็นการใหญ่ นึกอยู่ในใจว่าโทษของตนต้องถูกตัดหัวสถานเดียวแน่นอน ตำรวจพาตัวคนเก็บเงินรถราง เข้าเฝ้าถึงท้องพระโรง ถึงกับเป็นลมแล้วเป็นลมอีกเลยทีเดียว ตำรวจต้องช่วยพยุงเข้าไป พอเข้าไปถึงพระที่นั่ง คนเก็บเงินรถรางถวายบังคมท่าทางเงอะงะ วิงวอนขอพระราชทานชีวิตเอาไว้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงทอดพระเนตรเห็นอาการของคนเก็บเงินแล้ว ก็ให้ทรงนึกขำ แต่ก็ทรงแสร้งทำพระพักตร์บึ้งตึง มีพระราชดำรัสตวาด และด่าว่าคนเก็บเงินรถราง ตรัสว่า
”โทษถึงประหาร กูเป็นเจ้าเหนือหัวแท้ๆ ยังทำกับกูได้ถึงเพียงนี้ จะเก็บเงิน กูก็จะให้ แต่เผอิญกูลืมเอาไป ผัดก่อนก็ไม่ได้ คนแบบนี้อยู่ไปก็รกแผ่นดินของกู“
แล้วตรัสเรียกมหาดเล็กให้หยิบถุงถุงหนึ่งมาถวาย ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ตรัสเรียกคนเก็บเงินรถรางเข้าไปใกล้ๆ ทรงยื่นถุงให้ แล้วตรัสว่า
“เอ้า! เอาไป ถ้าเมืองไทย มีคนทำงานตามหน้าที่อย่างนี้มากๆ บ้านเมืองก็เจริญ”
เมื่อคนเก็บเงินรถรางรับถุงนั้นออกมาแล้ว ก็มีรับสั่งให้นำตัวออกไป พอพ้นวังตำรวจบอกว่า กลับบ้านได้
คนเก็บเงินรถรางประหลาดใจ เอ๊ะ เรื่องมันยังไงกันนี่ พอตำรวจจากไปแล้ว จึงนึกถึงถุงที่ได้รับพระราชทานมาแต่พระหัตถ์ในหลวงขึ้นมาได้ เปิดปากถุงออกดูเห็นเป็นเงิน จึงเทออกมานับ ปรากฏว่ามีทั้งหมดชั่งหนึ่งพอดี คนเก็บเงินรถรางยิ้มออกมาได้ ทรุดตัวลงนั่งกลางถนนนั่นเอง หันหน้าไปทางที่ประทับของในหลวง ถวายบังคมลา แล้วเดินตัวลอยยิ้มแป้นกลับบ้านทันที
เค้าโครงเรื่องเล่า : หนังสือเมืองไทยในอดีต(พระนคร) ของ “เพิ่มศักดิ์ วรรลยางกูล” : วัฒนาพานิช, 2503
Tui Horwang
นารี มีธรรมะ 29-06-67

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

📕 ❝ ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีม ❞

  #หนังสือดีบอกครูต่อ E-Book ❝ ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีม ❞ โดย รศ.ดร.วันทนา เนาว์วัน คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ...