#ผลการประชุมอนุโครงสร้าง
-วันนี้ (15/8/67) ผมได้มาทำหน้าที่ในฐานะอนุกรรมการโครงสร้าง ก.ท. เป็นการประชุมครั้งที่ 8/2567 พอสรุปได้ดังนี้(๑) กรณีหารือเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีถูกปลดออกจากราชการ แล้วกลับเข้ารับราชการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด จาก กท.จ.พะเยา เห็นชอบตามฝ่ายเลขาฯเสนอ โดยให้ก.จังหวัดดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
(๒) การแก้ไขเพิ่มเติมมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการหรือพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาฯ - ถอนเรื่อง
(๓) การกำหนดมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการพัฒนาข้าราชการหรือพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาฯ - ถอนเรื่อง
(๔) เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ของพนักงานครูเทศบาลเพื่อเลื่อนวิทยฐานะให้สูงขึ้นเป็นวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญพิเศษ
(๕)เห็นชอบกำหนดสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษฯ
(๖) เห็นชอบผลการประเมินผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญฯ
(๗)แต่งตั้ง ดร.สุรเกียรติ ฐิตะฐาน เป็นอนุกรรมการประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ แทน ดร.เอนก เกษมสุข ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้
*** นอกจากนั้นแล้ว ผมได้สอบถามและเสนอแนะฝ่ายเลขาฯ ๔ เรื่องตามที่พวกเราฝากมา ได้แก่
(๑) การตอบข้อหารือของก.ท.ซึ่งเคยมีหนังสือแจ้งเวียนไปแล้ว แต่ผอ.กลุ่มงานบุคคลของจังหวัดไม่รู้เรื่อง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงผอ.กลุ่มงานบุคคลบ่อย ไม่ต่อเนื่อง จึงเห็นควรให้สำนักบุคคลฯ รวบรวมหนังสือเวียนตอบข้อหารือทางด้านการบริหารงานบุคคลเป็นรูปแบบไฟล์ ดิจิตอล (PDF) เพื่อเป็นคู่มือปฏิบัติงานให้กับ ก.จังหวัดต่างๆ ที่ประชุมเห็นชอบด้วยและทางผอ.สำนักบุคคลฯ (ผอ.สาครฯ รับไปดำเนินการ)
(๒) การสอบคัดเลือกสายงานบริหาร ที่มีบางจังหวัดอ้างว่า กรมฯซักซ้อม มิให้ดำเนินการจ้างมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาก่อนที่จะมีงบประมาณ ผอ.สาครฯ ในฐานะเลขาฯแจ้งว่า กรมฯได้ซักซ้อมจริง แต่กรมฯก็ได้แนะแนวทางไปแล้วว่า (๑) สามารถดำเนินการรับสมัครหรือออกข้อสอบเองได้ หรือ (๒) ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการศึกษาก่อน ในชั้นการรับสมัครสามารถไปขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ได้โดยเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจาก ๘๐๐ บาท เป็น๘๓๐ บาท (๓๐ บาทสำหรับค่าธรรมเนียมของธนาคาร) เมื่อดำเนินการรับสมัครเรียบร้อยจึงค่อยคัดเลือกมหาวิทยาลัยซึ่งก็สามารถทำได้ และมีหลายสิบจังหวัดที่สามารถทำได้ มีเพียงบางจังหวัดเท่านั้น ที่อ้างเรื่องนี้ แท้ที่จริงแล้วเขาไม่อยากทำตั้งแต่แรกแล้วแต่ใช้เรื่องดังกล่าวเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง (อนึ่ง สำหรับการขอใช้บัญชีข้ามจังหวัด ประธานฯในที่ประชุมถามว่าไปถึงไหนแล้ว ผชช.ปิยะ แจ้งว่า ยังมิได้พิจารณาเพราะอบจ.กับอบต.ไม่เห็นชอบด้วย ประธานฯในที่ประชุม เห็นว่า เมื่ออบจ.กับอบต.เขาไม่เห็นชอบก็ไม่เป็นไร แต่เทศบาลเห็นชอบก็ควรเสนอเฉพาะเทศบาล โดยฝ่ายเลขาฯรับไปดำเนินการต่อ)
(๓) บัญชีเงินเดือนใหม่และเงินชดเชย ฝ่ายเลขาฯชี้แจงว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเสนอให้ รมต.มหาดไทยพิจารณาลงนาม โดยประธานฯเห็นว่า ปัจจุบัน การลงนามของรมต.มหาดไทยล่าช้า เพราะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน กว่าจะออกจากกรมฯไปกระทรวงมหาดไทยใช้เวลาอย่างเร็ว ๑ เดือนครึ่ง ไปถึงมหาดไทยต้องผ่านคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยอีก ทั้งที่เป็นเรื่องของก.บริหารงานบุคคล ไม่ควรจะเข้ามาเกี่ยวข้องก็ยังต้องผ่าน กว่าจะผ่านใช้เวลา ๑ - ๒ เดือน และกว่าจะไปโต๊ะรัฐมนตรีปาเข้าไป เกือบ ๖ เดือน ดังนั้น ฝ่ายเลขาฯควรหารือรมช.มหาดไทย ในฐานะประธานฯในที่ประชุมว่า จะทำอย่างไรลดขั้นตอนเรื่องเหล่านี้ลงให้เหลือ ไม่เกิน ๒ เดือน (ฝ่ายเลขาฯรับไปประสาน)
(๔) การสอบแข่งขันเข้ารับราชการ ฝ่ายเลขาฯชี้แจงว่า กระทรวงมหาดไทยได้ให้ กสถ.และมหาวิทยาลัยบูรพา กำหนดมาตรการป้องกันการทุจริตให้กระทรวงพิจารณา ซึ่งได้ส่งไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้รับความเห็นชอบส่งกลับมา (ล่าช้าที่กระทรวงมหาดไทยอีกเช่นเคย) หากกระทรวงมหาดไทยส่งกลับมาแล้ว จะได้รีบดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ประธานฯในที่ประชุมเสนอว่า กสถ.ไม่ควรจะรอคำตอบจากกระทรวงมหาดไทย ขั้นตอนไหนสามารถทำได้ ให้ทำไปก่อนเลย ไม่ควรรอ ทำให้ล่าช้าและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเขาขาดแคลนบุคลากรจำนวนมาก ควรจะเร่งดำเนินการ (ฝ่ายเลขาฯรับไปพิจารณาดำเนินการเสนอผู้อำนาจต่อไป)
ปล.ท่านวสันต์ วรรณวโรทร อดีตรองอธิบดีกรมสถ.เป็นประธานอนุโครงสร้าง ก.ท.
จึงรายงานมาเพื่อทราบโดยทั่วกันครับ
ป.พิพัฒน์
๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น