SWOT คือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ จุดแข็ง และ จุดอ่อน
SWOT Analysis คือ เครื่องมือวิเคราะห์แผนธุรกิจที่อยู่คู่หลักการบริหารธุรกิจมาอย่างยาวนาน เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ในบทความนี้ Good Material จะมาเล่าถึง SWOT ว่ามีประโยชน์อย่างไร อะไรคือข้อจำกัด มีหลักการเขียนและวิธีการนำไปใช้อย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของคุณได้ประโยชน์สูงสุดครับ
SWOT คือ
SWOT Analysis คือ ตัวอักษร 4 ตัวที่มาจากภาษาอังกฤษ 4 คำ ประกอบด้วย Strengths , Weaknesses , Opportunities และ Threats
- Strengths = จุดแข็ง , Weaknesses = จุดอ่อน : เป็นสิ่งที่อยู่ภายในบริษัทของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมเปลี่ยนแปลงได้ ตัวอย่างเช่น ทรัพยากรบุคคลที่อยู่ในทีม จำนวนสิทธิบัตร จำนวนเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญา
- Opportunities = โอกาส , Threats = อุปสรรคหรือภัยคุกคาม : เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกบริษัท ถือเป็นปัจจัยภายนอก โดยคุณสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาส และสามารถป้องกันตัวจากภัยคุกคามนี้ได้ แต่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ตัวอย่างเช่น นโยบายภาครัฐ คู่แข่ง ราคาวัตถุดิบ และแนวโน้มการจับจ่ายของลูกค้า
ประวัติและวิวัฒนาการของ SWOT
ประวัติของ SWOT นั้นค่อนข้างจะคลุมเครือมีที่มาจากหลายแหล่งด้วยกัน
ช่วงปี 1960 ถึง 1970 (ช่วงปี พ.ศ.2503) : ในโครงการวิจัยที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด Albert Humphrey ได้พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อประเมินแผนกลยุทธ์ และค้นหาสาเหตุที่การวางแผนขององค์กรในยุคนั้นมักจะล้มเหลว โดยเขาได้บัญญัติเทคนิกการวิเคราะห์ที่ชื่อว่า SOFT โดยที่
- S = Stood : หมายถึงการยืนหยัดในสิ่งที่พอใจในปัจจุบัน
- O = Opportunities : หมายถึงโอกาสในการไขว่คว้าสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต
- F = Faults : หมายถึงความผิดพลาดในปัจจุบัน
- T = Threats : ภัยคุกคามที่มีโอกาสเกิดขึ้น
คุณ Albert Humphrey รูปภาพจาก wikipedia.org
ปี ค.ศ. 1964 หรือ (พ.ศ. 2507) : มีการกล่าวถึงคำว่า SWOT ครั้งแรกในงานสัมมนาที่ชื่อว่า Long Range Planning จัดขึ้นที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในงานนั้น Urick and Orr ได้เสนอแนวคิดการวิเคราะห์ SWOT ซึ่งได้มาจาก SOFT โดยมีการปรับเปลี่ยน แทนที่ F ที่มาจากความผิดพลาด เป็น W : Weaknesses ที่หมายถึงจุดอ่อน หลังการโปรโมทครั้งแรกแที่ประเทศอังกฤษ แนวคิดนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ช่วงปี 1982 หรือ (พ.ศ. 2525) : ได้มีอีกพัฒนาการที่สำคัญของประวัติศาสตร์การวิเคราะห์ SWOT คือ การพัฒนาเมทริกซ์โดยบุคคลที่ชื่อว่า Dr.Heinz Weihrich ได้เสนอให้ใช้เมทริกซ์ 2×2 ในการวิเคราะห์ SWOT โดยเมทริกซ์นี้ได้รับความนิยมในตอนแรกว่า TOWS Matrix
ช่วงหลังทศวรรษ 1980 : SWOT ได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและเป็นส่วนสำคัญของกลไลการวางแผนเชิงกลยุทธ์ หากคุณศึกษาประวัติของเครื่องมือหรือแนวคิดการจัดการ จะมีแนวคิดที่คล้ายกันอยู่เป็นจำนวนมากในงานวิจัยต่างๆ แต่มีเพียงไม่กี่เครื่องมือที่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน จากประวัติศาสตร์จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า SWOT Analysis เป็นหนึ่งในเครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด
ประโยชน์ของ SWOT Analysis
ประโยชน์ของ SWOT Analysis คือ คุณไม่มีต้นทุนในการใช้งานเลย หรือถ้ามีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าใจธุรกิจก็สามารถทำการวิเคราะห์ SWOT ได้ และคุณเองยังสามารถนำ SWOT ไปใช้วิเคราะห์คู่แข่งของคุณเพื่อประเมินความเป็นไปได้ของธุรกิจและการแข่งขันอีกด้วย
ข้อดีอีกอย่างของ SWOT คือ การมุ่งเน้นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อธุรกิจของคุณ ดังนี้ :
- เข้าใจธุรกิจของคุณดีขึ้น
- สามารถเข้าใจจุดอ่อน แล้วแก้ไขจุดอ่อนได้ทันเวลา
- สามารถยับยั้งภัยคุกคามหรือป้องกันล่วงหน้าได้
- รับรู้และใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง เพื่อเสริมสร้างโอกาสได้มากขึ้น
- นำสิ่งที่วิเคราะห์จาก SWOT ไปพัฒนากลยุทธ์เพื่อบรรลุเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
ข้อจำกัดของ SWOT Analysis
เมื่อคุณได้ทำการวิเคราะห์ SWOT ควรจำไว้ว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนของการวิเคราะห์แผนธุรกิจเท่านั้น สำหรับปัญหาที่ซับซ้อน คุณต้องทำการวิจัยและวิเคราะห์ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นไปอีก
อีกประเด็นหนึ่งสำหรับข้อจำกัดของ SWOT Analysis คือ เครื่องมือนี้ครอบคลุมเฉพาะประเด็นที่ถือได้ว่าเป็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส หรือ ภัยคุกคามเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับปัจจัยที่มีความคลุมเครือหรือเป็นทั้งสองปัจจัยในเรื่องเดียวกัน เช่น ปัจจัยที่เป็นทั้งจุดแข็งพร้อมๆกับจุดอ่อน (ตัวอย่างเช่น คุณเปิดร้านอาหารที่อยู่ในทำเลที่ดีมากเป็นจุดแข็งด้านทำเล แต่ค่าเช่าสถานที่ต่อเดือนสูงมาก ซึ่งอาจจะเป็นจุดอ่อนด้านต้นทุน)
และนี่คือข้อจำกัดของการวิเคราะห์ด้วย SWOT :
- ไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
- ไม่มีทางแก้ปัญหาหรือเสนอทางเลือกในการตัดสินใจ
- อาจสร้างแนวคิดได้มากเกินไป แต่ไม่ได้ช่วยให้คุณเลือกแนวคิดที่ดีที่สุด
- สามารถสร้างข้อมูลได้มาก แต่อาจจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ทั้งหมด
เมื่อไหร่ควรใช้ SWOT Analysis
การวิเคราะห์ SWOT อย่างละเอียดช่วยให้คุณสามารถระบุปัจจัยทั้งภายในและภายนอก แผนภาพและผลการวิเคราะห์จะมีประโยชน์มากขึ้นเมื่อคุณนำสิ่งที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง ก่อนที่จะเริ่มควรมีคำถามที่ชัดเจน การถามคำถามอย่างชัดเจนตรงไปตรงมาและอิงกับสถานการณ์ปัจจุบัน จะช่วยให้คุณค้นพบจุดอ่อนในแผนการ แผนงบประมาณ หรือเป้าหมาย คุณอาจจะใช้เครื่องมืออย่าง “5 Whys” เพื่อช่วยในการหาปัญหาที่แท้จริงและเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น SWOT Analysis จะมีประโยชน์มากในช่วงเริ่มต้นของโครงการหรือเมื่อทีมของคุณประสบปัญหา
นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่คุณสามารถใช้ SWOT เพื่อแก้ไขปัญหา
- การขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ : การขยายตลาดมีหลายสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็น การที่คุณประสบความสำเร็จในประเทศและต้องการขยายไปต่างประเทศ หรือ คุณประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออฟไลน์และต้องการขยายเข้าสู่ออนไลน์ คุณจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะใช้มี จุดแข็ง จุดอ่อน อะไรบ้าง รวมถึงโอกาสในการขยายตัวมีอะไรบ้าง ถ้าคุณเห็นตลาดดูสดใสงดงาม (Blue Ocean) แต่ภัยคุกคามของคู่แข่งรายใหม่หรือกฎระเบียนอาจจะยังไม่ชัดเจน คุณจะต้องตรวจสอบเชิงลึกมากขึ้น
- แนวคิดทางธุรกิจใหม่ : การกระโจนเข้าสู่ธุรกิจที่คุณไม่รู้จักไม่คุ้นเคย อาจจะทำให้มิติในการประเมินธุรกิจใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก การวิเคราะห์ SWOT สามารถช่วยการจัดระเบียบความคิดของคุณ และทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต
- โอกาสในการลงทุน : การลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเครื่องจักรใหม่ การลงทุนซื้อกิจการ หรือซื้อโปรแกรมใหม่สำหรับบริษัท การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของการได้มา ช่วยป้องกันการซื้อที่ไม่มีประสิทธิภาพได้ การแสดงแผนภาพ SWOT ในการพิจารณาสิ่งต่างๆจะช่วยให้คุณมองเห็นตัวเลือกที่เหมาะสม
- การหาหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ : SWOT Analysis เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการตรวจสอบความเข้ากันได้ส่วนบุคคล หากคุณกำลังคิดที่จะร่วมทีมทำธุรกิจ Start Up หรือรวมตัวทำงานกลุ่ม การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคนว่าจะเข้ามาส่งเสริมกันหรือขัดแย้งกัน หรือแม้แต่บุคคลที่เข้ามาอาจจะเป็นอุปสรรคไม่ใช่โอกาส การวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนจะช่วยในการเลือกบุคคลที่เหมาะสมกับคุณมากยิ่งขึ้น
การสร้าง SWOT Analysis
เคล็ดลับเกี่ยวกับการวิเคราะห์ SWOT
แผนภาพ SWOT มักจะมีความตรงไปตรงมา แต่ขั้นตอนการกรอกข้อมูลอาจจะไม่ง่ายนัก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเมทตริกซ์ที่คุณสร้าง ลองนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะครับ
- โปรดจำไว้ว่าการวิเคราะห์ SWOT คือ การประเมินปัจจุบันไม่ใช่อดีตหรืออนาคต ในขณะที่ 4 มิติของการวิเคราะห์ช่วยให้คุณคิดถึงความเป็นไปได้ และอย่าลืมระบุทุกรายละเอียดตามความเป็นจริง อย่าเข้าข้างตัวเองมากเกินไป!
- ใช้การวิเคราะห์ SWOT เพื่อเป็นแนวแทาง อย่านำมาเป็นกฎชี้เป็นชี้ตาย เพราะแต่ละปัจจัยสามารถถกเถียงกันได้ไม่รู้จบ ที่สำคัญคือการทำให้ทีมของคุณมีความเป็นปึกแผ่น และวิเคราะห์เพื่อให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมายด้วยกัน
คำแนะนำก่อนเริ่มวิเคราะห์ SWOT
1.รวบรวมคนที่เหมาะสม
ก่อนอื่นคุณควรรวบรวมคนจากส่วนต่างๆในบริษัท และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีตัวแทนจากทุกแผนกที่เกี่ยวข้องหรืออาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรง จะช่วยให้คุณได้มุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ SWOT ให้ประสบความสำเร็จ
2.โยนความคิดของคุณออกไป
การวิเคราะห์ SWOT คล้ายกับการประชุมระดมความคิด หนึ่งในวิธีที่แนะนำคือ ให้แต่ละคนใช้กระดาษโน๊ตหรือ Post it เขียนไอเดียของตัวเองอย่างเงียบๆ ไม่จำเป็นต้องระบุว่ากระดาษแผ่นนั้นเป็นของใคร ซึงจะป้องกันการรวมกลุ่มคิด ป้องกันการกลัวที่จะคิดผิดของพนักงานที่ตำแหน่งต่ำกว่า จะทำให้คุณเห็นถึงเสียงทั้งหมดอย่างแท้จริง
หลังจากทุกคนคิดและเขียนไอเดียของตนเองเสร็จแล้วอาจใช้เวลา 5 ถึง 10 นาที รวบรวมกระดาษโน๊ตทั้งหมดมาติดไว้ที่ผนังและจัดกลุ่มของความคิดที่คล้ายกันเข้าด้วยกัน
3.จัดลำดับความคิด
เมื่อคุณรวมกลุ่มของความคิดทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะจัดลำดับความคิด วิธีการอาจจะทำโดยการให้ทุกคนมีคะแนนของตนเอง และลงคะแนนโหวตกับหัวข้อที่ตนเองคิดว่ามีความสำคัญจากประเด็นต่างๆ
หลังจากการโหวตคุณจะมีรายการแนวคิดที่ถูกจัดลำดับความสำคัญ เพื่อนำไปถกเถียงและสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจต่อไป
ขั้นตอนวิธีการวิเคราะห์ SWOT แต่ละปัจจัย
ขั้นตอนแรกคือ การวาดเมทริกซ์สำหรับการวิเคราะห์ SWOT ส่วนมากจะวาดเป็นตารางขนาด 2×2 จะแบ่งออกมาได้ 4 ช่องด้วยกัน หนึ่งช่องสำหรับแต่ละด้านของ SWOT เขียนระบุลงไปให้ครบทั้ง 4 ด้าน (ตามรูปที่เราได้ยกตัวอย่างด้านบนครับ)
หลังจากนั้นเรามาเริ่มลงรายละเอียดแต่ละปัจจัยของธุรกิจกันเลยครับ
Strengths : จุดแข็ง
จุดแข็งคือสิ่งที่องค์กรของคุณทำได้ดีเป็นพิเศษหรือข้อได้เปรียบที่ทำให้คุณแตกต่าง นึกถึงข้อดีที่องค์กรคุณมีเหนือองค์กรอื่น สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเทคโนโลยี แรงจูงใจในการทำงานของพนักงาน ข้อได้เปรียบในการเข้าถึงวัสดุบางอย่าง หรือกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มส่วนของข้อดีข้อได้เปรียบที่คิดได้ลงในส่วนของจุดแข็ง
จากนั้นลองเปลี่ยนมุมมองของคุณดูบ้าง ลองคิดในมุมของคู่แข่งว่าอะไรเป็นจุดแข็ง และอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบัน จะช่วยให้คุณได้มุมมองที่แตกต่างขึ้น
ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์จุดแข็ง
- คุณมีข้อได้เปรียบอะไรบ้างในการแข่งขัน
- คุณมีทรัพย์สินอะไรบ้าง เช่น เทคโนโลยี การเงินที่แข็งแรง หรือ สิทธิบัตร
- คุณมีทรัพยากรใดบ้างในทีมของคุณ เช่น บุคคลที่มีความรู้เฉพาะทาง บุคคลที่มีชื่อเสียง
- กระบวนการทางธุรกิจใดบ้างที่ประสบความสำเร็จ
Weaknesses : จุดอ่อน
มาถึงขั้นตอนนี้คือ การพิจารณาจุดอ่อนขององค์กรอย่าง ซื่อสัตย์! การวิเคราะห์ SWOT จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการ ดังนี้จงเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่คุณไม่พึงประสงค์โดยเร็วที่สุด
การพิจารณาจุดอ่อนก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ จุดแข็ง คือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกองค์กรซึ่งควรมุ่งเน้นไปที่ระบบทรัพยากรบุคคล ระบบการทำงาน และประสิทธิภาพของเครื่องจักร คิดถึงสิ่งที่คุณสามารถปรับปรุงได้ และแนวทางปฎิบัติที่ควรหลีกเลี่ยง
ลองคิดในมุมของลูกค้า คู่แข่งหรือคนอื่นๆ ว่าเขาเห็นคุณเป็นอย่างไร พวกเขาเห็นอะไรที่คุณมองไม่เห็นหรือไม่ หรืออาจจะใช้เวลาตรวจสอบคู่แข่งของคุณว่าเขาทำได้ดีกว่าในเรื่องใดบ้าง ทำไม อย่างไร และคุณขาดอะไร
ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์จุดอ่อน
- กระบวนการใดบ้างในธุรกิจที่คุณต้องปรับปรุง
- ทรัพย์สินใดบ้างที่ธุรกิจคุณต้องการเพิ่ม เช่น เครื่องจักรใหม่ หรือ เงินสดสำรอง
- สถานที่ทำงาน โรงงาน ของคุณเหมาะสำหรับความสำเร็จหรือไม่
- ทักษะหรือทรัพยากรบุคคลใดบ้างที่ทำให้ธุรกิจไม่เติบโต
Opportunities : โอกาส
โอกาสคือช่องว่างบางอย่างที่เกิดขึ้นและสามารถส่งผลเชิงบวกกับองค์กรของคุณ แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณต้องเป็นผู้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสนั้นด้วยตนเอง
โอกาสมักจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภายนอกองค์กรของคุณ ซึ่งคุณจะต้องคอยจับตาสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในโซเชียลมีเดียและเทรนด์แนวโน้มของอนาคต ในมุมของโซเชียลมีเดียอาจจะเป็นกระแสบางอย่างหรือคลิปไวรัลของเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ช่วยนำเสนอแบรนด์ของคุณออกไป มุมของโอกาสในอนาคตเกิดจากการพัฒนาตลาดที่คุณให้บริการหรือในเทคโนโลยีที่คุณใช้ หรือเทคโนโลยีที่คุณสามารถผลิตได้ ความสามารถในการมองเห็นและใช้ประโยชน์จากโอกาส สามารถสร้างความแตกต่างกับการแข่งขันและช่วยให้คุณเป็นผู้นำในตลาดของคุณ
คิดถึงโอกาสดีๆที่คุณสามารถมองเห็นได้ สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่หวังจะเปลี่ยนองค์กรคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะการมองเห็นโอกาสและสร้างข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเพิ่มความสามารถในการแข็งขันของคุณได้ คุณควรตรวจสอบแนวโน้มของตลาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อหาโอกาสไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
นอกจากนี้ นโยบายภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิตล้วนสามารถทำให้เกิดโอกาสที่น่าสนใจได้ทั้งสิ้น
ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์โอกาส
- ตลาดของคุณกำลังเติบโตและมีแนวโน้มจะกระตุ้นผู้คนให้ซื้อสินค้าหรือบริการของคุณมากขึ้นหรือไม่
- นโยบายของรัฐบาล หรือ นโยบายต่างประเทศของประเทศใดบ้างที่ส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณ
- กระแสทางโซเชียลใดบ้างที่ส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณ
- มีกิจกรรมใดบ้างที่กำลังจะเกิดขึ้น และบริษัทของคุณอาจสามารถใช้ประโยชน์จากการเติบโตใดได้บ้าง
Threats : อุปสรรค/ภัยคุกคาม
ภัยคุกคามคือปัจจัยจากภายนอกที่คุณไม่สามารถกำหนดหรือควบคุมได้ รวมถึงสิ่งที่อาจะส่งผลเสียต่อธุรกิจของคุณ เช่น ปัญหาซัพพลายเชน การเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาด หรือ การขาดแคลนพนักงาน สิ่งที่สำคัญคือ คุณจะต้องคาดการณ์สิ่งที่จะเป็นภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และดำเนินการป้องกันก่อนที่คุณจะตกเป็นเหยื่อของสิ่งเหล่านั้นซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ
ภัยคุกคามที่น่ากลัวคือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคย คุณจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันต่อกระแสโลก สองตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือเคสของ Nokia ที่เป็นเจ้าตลาดขายโทรศัพท์แต่โดนกระแสของ Smart Phone เข้ามาถาโถมและปรับเปลี่ยนไม่ทันเพราะคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง หรือ เคสของ Kodak ที่ผลิตและเป็นเจ้าตลาดขายกล้องฟิล์มแต่กระแสของผู้บริโภคหันไปใช้กล้องดิจิตอลมากขึ้น เป็นต้น
อย่าลืมพิจารณาสิ่งที่คู่แข่งของคุณกำลังทำอยู่เสมอ
ชุดคำถามที่ช่วยในการวิเคราะห์ภัยคุกคาม
- มีคู่แข่งคุณที่อาจจะเข้ามาในตลาดอีกหรือไม่
- มีแนวโน้มของตลาดที่อาจจะเป็นภัยคุกคามหรือไม่
- การพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงวิธีทำธุรกิจของคุณได้หรือไม่
- ซัพพลายเออร์สามารถหาวัตถุดิบในราคาที่คุณต้องการได้หรือไม่
หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกได้หลากหลายและครบทุกมิติมากยิ่งขึ้นคือ PESTEL Analysis ซึ่งประกอบด้วย
- Political : ปัจจัยด้านการเมือง
- Economic : ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
- Social : ปัจจัยด้านสังคม / รวมถึงสังคมออนไลน์
- Technology : ปัจจัยด้านเทคโนโลยี
- Environment : ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
- Legal : ปัจจัยด้านกฎหมาย
บทความที่เกี่ยวข้อง : Pestel analysis คือ เทคนิค วิเคราะห์ปัจจัยภายนอก ที่ธุรกิจไม่ควรพลาด
ตัวอย่าง SWOT ในการวิเคราะห์กิจการ
เพื่อให้คุณเข้าใจและเห็นภาพ เราขอวิเคราะห์กิจการ OilPure Thailand ของเรา เพื่อเป็นกรณีศึกษาว่า SWOT เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้วจะมีหน้าตาอย่างเป็นอย่างไร ?
OilPure Technology เป็นบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและจดสิทธิบัตรความเป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อย โดยเทคโนโลยีของเราสามารถกรองเพื่อยืดอายุน้ำมันหล่อลื่นในอุตสาหกรรม เช่น น้ำมันไฮดรอลิค น้ำมันเกียร์ น้ำมันชุบแข็ง ให้กลับมาสะอาดเหมือนน้ำมันใหม่ ช่วยให้ลูกค้าที่ใช้บริการไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันไปอีกอย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี โดยสามารถกำจัด เศษอนุภาค น้ำและความชื้น รวมถึง ค่าความเป็นกรด (TAN : Total Acid Number) ที่เกิดจาก Oxidation ของน้ำมันได้
นี่คือสิทธิบัตรที่บริษัท OilPure Technology จดทะเบียนไว้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
บริษัทกำลังวางแผนที่จะเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย ในรูปแบบของการบริการ (On Site Service) ภายใต้ชื่อ OilPure Fluid Care โดยบริการของเราจะประกอบไปด้วย การวิเคราะห์น้ำมันหล่อลื่นในปัจจุบันว่ามีสภาพเป็นอย่างไร หลังจากนั้นเครื่องจักรของเราที่ถูกบรรทุกบนรถเทลเลอร์จะเข้าไปให้บริการถึงโรงงานของคุณ นำไปติดตั้งกับถังน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วหรือเครื่องจักรของลูกค้า และมีรายการรายงานผลหลังให้บริการเสร็จ
เครื่องจักรและเทคโนโลยีของ OilPure
ทำการวิเคราะห์ SWOT ของเราออกมาได้ดังนี้ :
จุดแข็ง
- เรามีประสบการณ์ในสายงานน้ำมันในประเทศสหรัฐอเมริกากว่า 30 ปี ทำให้มีกรณีศึกษาจริงจำนวนมาก
- เรามีเทคโนโลยีในการกรองยืดอายุน้ำมันหล่อลื่นที่สามารถใช้งานได้จริง และพิสูจน์มาแล้ว
- ผู้บริหาร คุณวิชัย ศรีมงคงกุล เคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานน้ำมันหล่อลื่น ASTM มาก่อน
- เทคโนโลยีของเราสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กว่า 3 ไมครอนได้
- เทคโนโลยีของ OilPure สามารถกำจัดปริมาณน้ำในน้ำมันออกได้ จนเหลือค่าน้ำต่ำกว่า 100 PPM
- เทคโนโลยีของ OilPure สามารถกำจัด Oxidation ในน้ำมันได้โดยวัดจากค่า TAN ที่ไม่มีบริษัทไหนในโลกทำได้
- เทคโนโลยีของเราใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจวัด พร้อมกับระบบ Automation โดยเครื่องจักรใช้เพียงคนเดียวในการควบคุม ทำให้ต้นทุนต่ำ
จุดอ่อน
- เป็นบริษัทใหม่ ยังไม่มีใครรู้จัก หรือรู้จักในวงแคบ
- วัฒนธรรมองค์กรแบบอเมริกันที่ยังไม่คุ้นชินกับรูปแบบการดำเนินการในประเทศไทย
- บริษัทอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้งานเกิดคอขวดอยู่ที่บางบุคลากรและบางแผนก
โอกาส
- ปัญหาเครื่องจักรหยุดงานของลูกค้า จากงานวิจัยพบว่า 80% มาจากความสกปรกในน้ำมันหล่อลื่น ดังนั้นลูกค้าต้องเปลี่ยนน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ
- น้ำมันหล่อลื่นมีการซื้อซ้ำสูง เพราะต้องเปลี่ยนทุกๆ 3 – 6 เดือน
- จากงานวิจัยพบว่าระบบไฮดรอลิก (การใช้น้ำมันไฮดรอลิก) มีอัตราการเติบโตมากขึ้น
- จากการเข้ามาของรถไฟฟ้า ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบมีโอกาสขุดน้อยลง และ ราคาน้ำมันหล่อลื่นมีโอกาสสูงขึ้น
- ทุกบริษัทหาวิธีลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรอยู่เสมอ และบริการ OilPure Fluid Care ตอบโจทย์ส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี
ภัยคุกคาม หรือ อุปสรรค
- อุปสรรคใหญ่ของเราคือ ความคุ้นชินของลูกค้าที่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นตามคำแนะนำของบริษัทขายน้ำมัน
- อุปสรรคถัดมา คือ ความไม่รู้ของลูกค้าว่ามีเทคโนโลยีที่สามารถกรองยืดอายุน้ำมันให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่ได้อีกครั้ง
สรุป
มาถึงตอนนี้คุณคงทราบแล้วว่า SWOT Analysis คือ เครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณขนาดไหน คุณควรวิเคราะห์ SWOT เป็นประจำเพื่อตรวจหา จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และ ภัยคุกคาม เพื่อที่จะอยู่กับปัจจุบันและวางแผนเพื่อความเติบโตในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
- หากท่านต้องการนำเนื้อหาหรือข้อมูลจากเว็ปเราไปใช้งานเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้โดยไม่มีผลประโยชน์ โปรดติดลิ้งค์เครดิตกลับมาหาเราที่หน้านี้
- ข้อมูลอ้างอิง : 1 / 2 / 3 / 4/ 5 / 6 / 7
Copyright © GoodMaterial.co
ที่มา SWOT คือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ จุดแข็ง และ จุดอ่อน - Good Material
SWOT คือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ จุดแข็ง และ จุดอ่อน - Good Material
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น